Wednesday, September 21, 2016

จักรยานคันนี้จอดอยู่ที่ "ซอยหมอ"


     
           ธนาวัฒน์ ...เรื่องและภาพ

            จักรยานคันนี้จอดอยู่ที่ ซอยหมอ หรือที่เราเรียกกันว่า ซอยพานิช อยู่ในตัวเมืองฉะเชิงเทรา อายุจักรยานประมาณ ๔๐-๕๐ ปี เป็นจักรยานที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ซึ่งมีคนนำจักรยานคันนี้มาขายให้กับลุงคนที่รับซื้อของเก่า เเละจักรยานคันนี้อยู่มาตั้งเเต่สมัยก๋งของลุงคนนี้ ตอนยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัย จอมพลป.พิบูลสงคราม

             จักรยานคันนี้มีชื่อว่า ราเล่ย์ ๒๘ ชาย  ผลิตขึ้นโดยบริษัทราเล่ย์ไบซิเคิล ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองน็อตติ้งแฮม ประเทศอังกฤษ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิตจักรยานเก่าแก่ที่สุดของโลก 

              "ราเล่ย์" ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.๑๘๘๗ หรือ พ.ศ.๑๔๓๐  โดยเซอร์ แฟรงค์ โบว์เด้น (Sir Frank Bowden) ซึ่งตรงกับสมัยพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ ๕ ของสยาม)

              เซอร์ แฟรงค์ โบว์เด้น ร่ำรวยจากการเล่นหุ้นในลอนดอน ขณะเมื่อมีอายุได้เพียง ๒๔ ปี และเป็นนักกฎหมายที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่ท่านมีอายุได้ ๓๘ ปี ก็เริ่มขี่จักรยานเพื่อออกกำลัง โดยการแนะนำของแพทย์ว่าจะเป็นการดีต่อสุขภาพ และท่านก็ประทับใจในการขี่จักรยานนี้มาก 

               ต่อมาไม่นานท่านจึงได้ตกลงใจซื้อกิจการจักรยานมาจากกลุ่มผู้ประกอบการชาวอังกฤษและฝรั่งเศส (Messrs.Woodhead, Angois และ Ellis) ท่านได้ตั้งฐานการผลิตมาที่ถนนราเล่ย์ เมืองน็อตติ้งแฮม (Raleigh street, Nottingham) ซึ่งเป็นตำนานและเป็นปฐมบทอันก้องโลกของ "จักรยานราเล่ย์"

              การผลิตของ "ราเล่ย์" ซึ่งเดิมผลิตได้สัปดาห์ละ 3 คันเท่านั้น ได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ขยายไปที่อาคารสี่ชั้นย่านถนนรัสเซล และภายใน ๖  ปี "ราเล่ย์" ก็กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขยายโรงงานมาตั้งที่ย่านถนนฟาราเดย์ เลนตัน น็อตติ้งแฮม

ภาพความทรงจำ " พงษ์ภาพ "

           ปานทิพย์ จูมศรี...เรื่องและภาพ

           ร้านถ่ายรูป พงษ์ภาพ ได้ตั้งอยู่บนถนนพานิช หรือชาวแปดริ้วเรียกถนนนี้ว่า " ซอยหมอ " ร้านนี้ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ จนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลากว่า ๔๙ ปี ร้านพงษ์ภาพแห่งนี้ได้มีการถ่ายรูปบุคคลต่างๆ เช่น ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ครู พระภิกษุ รวมถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายจาด อุรัสยะนันทน์ ท่านก็ได้เคยมาถ่ายรูปในร้านนี้ด้วย 
           จากการสอบถาม คุณตาเจ้าของร้านได้กล่าวว่า "ร้านนี้ตั้งแต่เปิดให้บริการมากว่า ๔๙ ปี ไม่เคยมีการซ่อมแซมร้านหรือทำขึ้นใหม่ เรายังคงทุกอย่างไว้ดังเดิม เพื่อคนที่เข้ามาดูหรือมาใช้บริการ จะได้นึกย้อนถึงวันวานเก่าๆที่เคยเกิดขึ้น ร้านของผมใช้การถ่ายรูปแบบฟิล์ม ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ เพราะผมอยากรักษาการถ่ายรูปแบบนี้ไว้ 
           เพราะปัจจุบันนี้การถ่ายรูปแบบฟิล์มเริ่มหายไป แม้การถ่ายรูปแบบฟิลม์จะได้ภาพที่สวยและสีที่คมชัด แต่ถึงอย่างไรแล้ว กว่าจะได้รูปๆ หนึ่ง ก็ต้องใช้ระยะเวลา บางรูปอาจใช้เวลานานถึง ๑ เดือน ซึ่งต่างจากการถ่ายภาพแบบดิจิตอลที่ได้รูปที่รวดเร็วกว่า สะดวกในการใช้งาน และสีภาพที่ไม่ต่างกัน"