Tuesday, June 19, 2018

STORY


เทพอักษร ย้อนเพชร...เรื่อง Youth Bloggers...ภาพ  
ผลงานสารคดีสั้นรางวัลเนี้อหาดีเด่นในโครงการอบรมเยาวชน Youth Bloggers รุ่นที่ ๑๗ โรงเรียนบ้านไร่วิทยา จังหวัดอุทัยธานี

            เราเดินทางออกจากโรงเรียนเมื่อเวลาตอนบ่ายโมง

            
ใช้เวลาในการเดินทางมาถึงต้นไม้ยักษ์ประมาณ ๒๐ นาที กว่าจะมาถึงนั้นดูเหมือนมันจะไม่ง่ายเลยเสียทีเดียว เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมา ฉันลืมบอกไป ว่าฉันมารถบัสของโรงเรียน นึกดูนะ รถบัสคงบังคับยากน่าดู เราชื่นชมคนขับมากที่สามารถขับในทางที่คดเคี้ยวไปมานี้ได้

             โครงการอบรมเยาวชน Youth Bloggers ให้เวลาในการถ่ายรูปที่ต้นไม้ยักษ์ประมาณ ๑ ชั่วโมง เราเดินลงรถมาสิ่งที่เราเห็นครั้งแรกคือของที่วางขายคล้ายประหนึ่งตลาด แต่ของขายไม่มากเท่าไหร่ เราเดินเข้าไปตามทางที่ระหว่างสองข้างทางจะเป็นร้านขายของสำหรับคนท้องถิ่น ด้านหลังของร้านขายของเป็นลำธารที่มีน้ำไหลผ่านตลอดและอีกฝั่งจะเป็นป่า 


            เราเดินเข้าไปไม่นานนักก็พบต้นไม้ยักษ์ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากต้นไม้ยักษ์ยังมีศาลเจ้าที่อยู่ด้วย ใครที่ไปเยี่ยมชมก็อย่าลืมไปไหว้ท่านกันด้วยนะ ต้นไม้ยักษ์เป็นต้นไม้ที่สูงมาก มีรากและโคนที่ใหญ่มากเลยละ เราเองนี่ก็เพิ่งเคยมาครั้งแรก ขนาดอยู่ที่อำเภอบ้านไร่นะ 555 พอเดินเข้าไปอีกก็จะพบกับป่าหมากจำนวนมากอยู่รายรอบล้อมต้นไม้ยักษ์ มีต้นไม้อีกหลายชนิดเลยที่เกาะอยู่ตามต้นหมาก ตามใต้ต้นรากโคนที่ใหญ่นั้นก็จะมีสัตว์เล็กสัตว์น้อยอาศัยอยู่เต็มไปหมด ถือเป็นป่าหมากที่อุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียว 

            เราตามเก็บภาพตามประสาของเราไป พอถึงเวลาใกล้จะขึ้นรถ พี่ ๆ วิทยากรก็เรียกน้อง ๆ ไปขึ้นรถ ระหว่างทางเดินกลับ เราก็สังเกตเห็นกล้วยวางอยู่บนแคร่ มันดูสวยดีเลยเข้าไปถ่ายภาพ แต่สิ่งที่พบนั้นเป็นกล้วยที่มีแมลง มด และผึ้งเจาะกินอยู่ เราเลยถ่ายภาพเก็บไว้ ต้องความใจเย็นและระมัดระวังมาก ๆ เลย ก็ผึ้งเล่นบินตลอดเลยนี่นา กว่าจะนิ่งได้ก็ตอนหยุดกินกล้วย หรือดูดน้ำหวานจากกล้วยก็ไม่รู้สิ^^ 


            หลังจากนั่นเราก็ไปขึ้นรถไปถ่ายภาพต่อที่วัดถ้ำเขาวง แต่ฟ้าฝนอาจไม่เป็นใจ อยู่ ๆ ก็ตกลงมา ตอนแรกเราคิดว่าคงต้องรออยู่รถอีกนาน แต่ไม่เลย พอถึงถ้ำเขาวงสักพักนิด ๆ ฝนก็หยุดตก ทำให้พื้นพอชุ่มชื้นขึ้นมา ท้องฟ้าวันนี้มืดครึ้มตลอดทั้งวันเลย พอฝนหยุดตกเราก็ลงจากรถ ลงมาถ่ายภาพด้วยเวลาที่มีจำกัด และเราที่ลีลาเอามาก ๆ จึงไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรมาเลย เราเดินไปไม่ทั่วด้วยซ้ำ 😢 

               แต่อย่างว่าล่ะ ถึงแม้จะเดินไปไม่ทั่ว แต่แค่เดินไปทางเข้าก็พบกับความสวยงาม เราเดินไปบนพื้นอิฐสีแดงตัดกับสีเขียวสองข้างทางที่มีหญ้าและไม้ดอกไม้ประดับคล้าย ๆ สวนฝนที่เพิ่งตกทำให้ใบไม้มีละอองน้ำเกาะอยู่  ให้ความรู้สึกชุ่มชื่น ผ่อนคลาย และสบายตามาก 

            พอเราเดินไปจนสุดก็จะพบกับความสวยที่มองจากมุมไกล เห็นภูเขาลูกใหญ่เป็นพื้นหลัง และมีวัดซึ่งมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมบ้านเรือนไทยคล้ายศาลพระภูมิ มีบึงน้ำอยู่ด้านล่างสุด ตัดด้วยสะพานไม้สำหรับให้คนเดินไปให้อาหารปลา รอบ ๆ มีไม้ดอกไม้ประดับรอบล้อมตลอดทางเดินทุกทาง เสียดายที่เราไม่ได้เดินให้ทั่วและขึ้นไปดูภายในวัด ด้วยความลีลาของเราเอง 55 แต่แค่ได้มองและถ่ายภาพก็รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ





           ถึงแม้ท้องฟ้าจะมืดครึ้มแต่มันก็เป็นวันดี ๆ ของเราอีกวันหนึ่ง ที่ได้ลองมาเปิดประสบการณ์และโลกกว้างขึ้นอีก “ถึงรูปจะไม่สวยสำหรับใคร แต่มันมีค่าสำหรับใครบางคน” ️ 

                หากใครมาเยี่ยมชมก็อย่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันไว้ด้วยล่ะ  และนี่คือ story ของการเดินทางครั้งที่ ๑ ของเราเอง

              ปล.ภาพที่เราถ่ายเป็นมุมเล็ก ๆ ของสัตว์ที่น่ารัก และมุมมองของฟ้าหลังฝน 

No comments:

Post a Comment